ระยะที่ 1 : ระยะที่ไม่มีอาการอะไร
ภายใน2-3 อาทิตย์แรกหลังจากได้รับเชื้อเอดส์เข้าไป ราวร้อยละ 10 ของผู้ติดเชื้อจะมีอาการคล้ายๆ ไข้หวัด คือมีไข้ เจ็บคอ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ต่อมน้ำเหลืองโต ผื่นตามตัว แขน ขาชาหรืออ่อนแรง เป็นอยู่ราว 10-14 วันก็จะหายไปเอง ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาจไม่สังเกตนึกว่าคงเป็นไข้หวัดธรรมดาราว 6-8 สัป- ดาห์ภายหลังติดเชื้อ ถ้าตรวจเลือดจะเริ่มพบว่ามีเลือดเอดส์บวกได้ และส่วนใหญ่จะตรวจพบว่ามีเลือดเอดส์บวกภายหลัง3เดือนไปแล้วโดยที่ผู้ติดเชื้อจะไม่มีอาการอะไรเลยเพียงแต่ถ้าไปตรวจก็จะพบว่ามีภูมิคุ้นเคยต่อไวรัสเอดส์อยู่ในเลือด หรือที่เรียกว่าเลือดเอดส์บวก ซึ่งแสดงว่ามีการติดเชื้อเอดส์เข้าไปแล้วร่างกายจึงตอบ สนองโดยการสร้างโปรตีนบางอย่างขึ้นมาทำปฏิกิริยากับไวรัสเอดส์ เรียกว่าแอนติบอดีย์ ((( antibody) เป็นเครื่องแสดงว่า เคยมีเชื้อเอดส์เข้าสู่ร่างกายมาแล้วแต่ก็ไม่สามารถจะเอาชนะไวรัสเอดส์ได้คนที่มีเลือดเอดส์บวกจะมีไวรัสเอดส์อยู่ในตัวและสามารถแพร่โรคให้กับคนอื่นได้น้อยกว่าร้อยละ 5 ของคนที่ติดเชื้ออาจต้องรอถึง 6 เดือนกว่าจะมีเลือดเอดส์บวกได ดังนั้นคนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงมา เช่น แอบไปมีสัมพันธ์กับหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาโดยไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัยป้องกันตรวจตอน3 เดือนแล้วไม่พบก็ต้องไปตรวจซ้ำอีกตอน 6 เดือนโดยในระหว่างนั้นก็ต้องใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งเวลามีเพศสัมพันธ์กับภรรยา และห้ามบริจาคโลหิตให้ใครในระหว่างนั้นผู้ติดเชื้อบางรายอาจมีต่อมน้ำเหลืองตามตัวโตได้โดยโตอยู่เป็นระยะเวลานานๆคือเป็นเดือนๆ ขึ้นไป ซึ่งบางรายอาจคลำพบเอง หรือไปหาแพทย์แล้วแพทย์คลำพบ ต่อมน้ำเหลืองที่โตนี้มีลักษณะเป็นเม็ดกลมๆ แข็งๆขนาด1-2 เซนติเมตรอยู่ใต้ผิวหนังบริเวณด้านข้างคอทั้ง 2 ข้างข้างละหลายเม็ดในแนวเดียวกัน คลำดูแล้วคลายลูกประคำที่คอไม่เจ็บ ไม่แดง นอกจากที่คอต่อมน้ำเหลืองที่โตยังอาจพบได้ที่รักแร้และขาหนีบทั้ง 2 ข้างแต่ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบมีความสำคัญน้อยกว่าที่อื่นเพราะพบได้บ่อยในคนปกติทั่ว ไปต่อมน้ำเหลืองเหล่านี้จะเป็นที่พักพิงในช่วงแรกของไวรัสเอดส์โดยไวรัสเอดส์จะแบ่งตัวอย่างมากในต่อมน้ำเหลืองที่โตเหล่านี้
ระยะที่ 2 :ระยะเริ่มมีอาการ
เป็นระยะที่คนไข้เริ่มมีอาการแต่อาการนั้นยังไม่มากถึงกับจะเรียกว่าเป็นโรคเอดส์เต็มขั้นอาการใน
ช่วงนี้อาจเป็นไข้เรื้อรัง
น้ำหนักลดหรือท้องเสียงเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุนอกจากนี้อาจมีเชื้อราในช่องปาก
เป็นงูสวัดในช่องปากหรืออวัยวะเพศ ผื่นคันตามแขนขา และลำตัวคล้ายคนแพ้น้ำลายยุง
ระยะที่ 3 :
ระยะโรคเอดส์เต็มขั้น เป็นระยะที่ภูมิต้านทานของร่ายกายเสียไปมากแล้ว
ผู้ป่วยจะมีอาการของการติดเชื้อจำพวกเชื้อฉก-ฉวยโอกาสบ่อยๆและเป็นมะเร็งบางชนิด
เช่นแคโปซี่ ซาร์โคมา (Kaposi's sarcoma)และมะเร็งปากมดลูกการติดเชื้อฉกฉวยโอกาส
หมายถึงการติดเชื้อที่ปกติมีความรุนแรงต่ำไม่ก่อโรคในคนปกติแต่ถ้าคนนั้นมีภูมิต้าน
ทานต่ำลงเช่นจากการเป็นมะเร็งหรือจากการได้รับยาละทำให้เกิดวัณโรคที่ปอดต่อมน้ำเหลืองตับ
หรือสมองได้
รองลงมาคือเชื้อพยาธิที่ชื่อว่านิวโมซิส-ตีส-คารินิไอซึ่งทำให้เกิดปอดบวมขึ้นได้
(ไข้ ไอ หายใจเหนื่อยหอบ) ต่อมาเป็นเชื้อราที่ชื่อ คริปโตคอคคัส
ซึ่งทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบมีอาการไข้ ปวดศีรษะ ซึมและอา- เจียน
นอกจากนี้ยังมีเชื้อฉกฉวยโอกาสอีกหลายชนิด
เช่นเชื้อพยาธิที่ทำให้ท้องเสียเรื้อรังและเชื้อซัยโตเมก กะโลไวรัส (CMV) ที่จอตาทำให้ตาบอด หรือที่ลำไส้ทำให้ปวดท้อง ท้องเสีย
และถ่ายเป็นเลือดเป็นต้นในภาคเหนือตอนบน มีเชื้อราพิเศษ ชนิดหนึ่งชื่อ
เพนนิซิเลียว มาร์เนฟฟิโอชอบทำให้ติดเชื้อที่ผิวหนัง ต่อมน้ำ
เหลืองและมีการติดเชื้อในกระแสโลหิตแคโปซี่ ซาร์โค มา เป็นมะเร็งของผนังเส้นเลือด
ส่วนใหญ่จะพบตามเส้นเลือดที่ผิวหนังมีลักษณะเป็นตุ่มนูนสีม่วงๆ แดงๆ
บนผิวหนังคล้ายจุดห้อเลือด หรือไฝ ไม่เจ็บไม่คันค่อยๆ
ลามใหญ่ขึ้นส่วนจะมีหลายตุ่มบางครั้งอาจแตกเป็นแผลเลือดออกได้บางครั้งแคโปซี่ซาร์โคมาอาจเกิดในช่องปากในเยื่อบุทางเดินอาหารซึ่งอาจทำให้มีเลือดออกมากๆได้นอกจากนี้ผู้ป่วยอาจเป็นมะเร็งต่อมน้ำ
เหลือง หรือมะเร็งปากมดลูกได้
ดังนั้นผู้หญิงที่ติดเชื้อเอดส์จึงควรพบแพทย์เพื่อตรวจมะเร็งปากมดลูกทุก 6 เดือน นอกจากนี้คนไข้โรคเอดส์เต็มขั้นอาจมีอาการทางจิตทางประสาทได้ด้วยโดยที่อาจมีอาการหลงลืมก่อนวัย
เนื่องจากสมองฝ่อเหี่ยว หรือมีอาการของโรคจิต หรืออาการชักกระตุกไม่รู้สึกตัว
แขนขาชาหรือไม่มีแรง
บางรายอาจมีอาการปวดร้าวคล้ายไฟช๊อตหรือปวดแสบปวดร้อนหรืออาจเป็นอัมพาตครึ่งท่อน
ปัสสาวะ อุจจาระไม่ออก เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น